เซ็นทรัล: ดิ ออริจินัล สโตร์ อันตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ถือเป็นมรดกที่บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวจิราธิวัฒน์ อาคารแห่งนี้ได้ วินเซนต์ แวน ดอยเซน (Vincent Van Duysen) มาตีความเรื่องราวความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของห้างเซ็นทรัลในรูปแบบดีไซน์ที่ร่วมสมัย บนโครงสร้างของตัวอาคารเก่าดั้งเดิม โดยมุ่งหมายให้เป็นศูนย์รวมทางวัฒนธรรมแห่งวิถีชุมชนที่หลากหลายและไม่หยุดนิ่งของกรุงเทพฯ
ตัวอาคารหลักปูกระเบื้องดินเผาทำมือแบบดั้งเดิมจากจังหวัดลำปาง เฉกเช่นเดียวกับงานปูกระเบื้องพื้นผิวด้านหน้าของห้างเซ็นทรัลชิดลมในยุคแรก ตัวอาคารโดดเด่นด้วยกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน เปิดทางให้แสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามาทั่วพื้นที่ และยังมอบทิวทัศน์รายรอบละแวกนี้ให้ผู้มาเยือนได้เชยชม ทั้งยังมีชั้นดาดฟ้าที่ออกแบบให้เหมือนส่วนต่อเติมแต่กลมกลืน โดดเด่นด้วยสีดำของเมทัลชีท เสริมให้ส่วนนี้ของอาคารมีลูกเล่นแปลกตา
ในแต่ละชั้นของ เซ็นทรัล: ดิ ออริจินัล สโตร์ ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน แผงกระจกใสติดถนนด้านหน้าชวนให้นึกถึงการจัดหน้าต่างแสดงสินค้าซึ่งเซ็นทรัลเป็นผู้นำยุคแรก ๆ ในกรุงเทพฯ เมื่อเดินเข้ามาด้านในพบกับโถงทางเข้าที่มีสไตล์ ปูพื้นด้วยหินขัด และเพดานคอนกรีตสูงรับกับคานไม้ด้านบนให้บรรยากาศอันอบอุ่น การออกแบบภายในนี้มิใช่การออกแบบเพื่อทดแทนของเดิม หากแต่เป็นการสร้างความเป็นเอกภาพของสุนทรีศาสตร์ของสมัยนั้น
ตู้จัดแสดงที่ออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะนี้สะท้อนถึงตะเกียงแบบดั้งเดิมเมื่อครั้งที่คุณเตียงและคุณสัมฤทธิ์สองพ่อลูกใช้ส่องสว่างยามเดินตอนค่ำคืนเพื่อก่อร่างสร้างธุรกิจเซ็นทรัลจากสถานที่แห่งนี้ แสงไฟจากตู้จัดแสดงเหล่านี้เติมเต็มพื้นที่ของอาคารด้านในยามค่ำคืน เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกความมานะอุสาหะในการทำงาน
ศิวิไล คาเฟ่ (Siwilai Cafe) บริเวณชั้น 1 ให้บริการเครื่องดื่มและอาหารว่าง ในส่วนของคอร์ทยาร์ดที่มีแสงแดดสาดส่องจากหลังคากระจกและให้ความรู้สึกสบายตาจากการตกแต่งด้วยพรรณไม้นั้นเป็นเสมือนส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างอดีตและปัจจุบัน โดยจะเปลี่ยนเป็นบาร์ดนตรีในยามค่ำคืน ในส่วนนี้ถูกแบบโดย Tripsters ดีไซน์สตูดิโอจากญี่ปุ่น พร้อมระบบเสียงที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะจาก OJAS ให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับกาแฟสักแก้วในตอนกลางวัน และสุขสันต์กับเสียงดนตรีในยามค่ำคืน
ส่วนของบันไดถูกออกแบบให้อาบแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน นำทางผู้มาเยือนไปสู่ห้องสมุดธุรกิจค้าปลีกที่ชั้นสองที่นับเป็นห้องสมุดประเภทนี้เป็นแห่งแรกของเมืองไทย ด้วยต้องการเชื่อมโยงเรื่องราวและตำนานการก่อเกิดอาคารหลังนี้ ส่วนชั้นสามและชั้นสี่ผสมผสานพื้นที่จัดแสดงและจัดกิจกรรม โดยมีตู้โชว์ขนาดใหญ่ที่สามารถปรับชั้นวางได้ สื่อถึงความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงและไม่หยุดนิ่งอยู่เสมอของเซ็นทรัล
ผู้มาเยือนสามารถสำรวจทัศนียภาพมุมเมืองแบบ 360 องศาและอิ่มอร่อยกับอาหารจากร้านอักษร Aksorn โดยเดวิด ทอมป์สัน (David Thompson) เชฟเลื่องชื่อแถวหน้าในวงการอาหารไทย ได้ที่ชั้นบนสุด ตัวร้านออกแบบโดยสตูดิโอ Tripsters ซึ่งถึงแม้ไม่ได้ใช้บริการร้านอาหารก็สามารถขึ้นมารับชมทิวทัศน์เส้นขอบฟ้าของกรุงเทพมหานครได้จากจุดชมวิวพาโนรามาบนระเบียง พร้อมมุมมองถนนเจริญกรุงที่คึกคักด้านล่าง